ความหมายของ IOS Cisco เเละคำสั่ง

ซอฟต์แวร์ Cisco Internetwork Operating System (IOS) Software ได้รับการพัฒนาขึ้นมาสำหรับฮาร์ดแวร์หลายรุ่น และถูกใช้เป็นซอฟต์แวร์พื้นฐานที่ได้รับการบันทึกไว้อย่างถาวรภายใน Router  Cisco ทุกรุ่น ซอฟต์แวร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับบริการเกี่ยวกับเครือข่าย ดังต่อไปนี้
  • สามารถเลือกโปรโตคอลฟังก์ชันที่จะนำมาใช้งานได้
  • การเชื่อมต่อด้วยความเร็วสูงกับอุปกรณ์ต่างๆ
  • การรักษาความปลอดภัยในการควบคุมการเชื่อมต่อและป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเข้ามาใช้งาน
  • การขยายขีดความสามารถในการเพิ่มส่วนเชื่อมต่อและขีดความสามารถต่างๆตามที่ต้องการสำหรับการเติบโตของระบบเครือข่าย
  • ความเชื่อถือได้เพื่อการรับประกันการใช้งานเชื่อมโยงเข้ากับทรัพยากรระบบเครือข่ายต่างๆ          
 ส่วนเชื่อมต่อในการใช้คำสั่งที่เรียกว่า  Cisco IOS Software command-line interface (CLI) สามารถที่จะเข้าถึงได้เชื่อมต่อทาง console การเชื่อมโยงทางโมเด็ม หรือการเชื่อมต่อผ่านโปรแกรม Telnet ไม่ว่าจะใช้วิธีการเข้ามาใช้งานอย่างไร การเข้ามาใช้งานคำสั่งเหล่านี้เรียกว่าเป็นช่วงการสื่อสาร EXEC session 
ความช่วยเหลือผ่านทาง Router CLI
เมื่อผู้ใช้พิมพ์เครื่องหมายคำถาม “?” เข้าไปที่เครื่องหมายตอนรับในการทำงานสถานะ user EXEC modeหรือที่สถานะ privileged EXEC mode  Router จะตอบสนองด้วยการแสดงรายการคำสั่งที่ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ได้
สังเกตว่าข้อความ “-More-” ที่ปรากฎอยู่บรรทัดล่างสุดในตัวอย่างนั้นเกิดขึ้นเนื่องจากหน้าจอภาพสามารถแสดงข้อความได้เพียง 22 บรรทัด ในขณะใดขณะหนึ่งเท่านั้น ข้อความดังกล่าวจึงแสดงให้เห็นว่ายังมีข้อความที่ต้องการจะแสดงให้เห็นรออยู่อีก เมื่อผู้ใช้กดแป้น spacebar  Router ก็จะแสดงข้อความที่เหลืออยู่ให้เห็น ถ้ากดแป้น “enter” Router จะแสดงข้อความบรรทัดต่อไปเพียงบรรทัดเดียว (แล้วก็หยุดรอคำสั่งต่อไป) แต่ถ้ากดแป้นอื่นนอกเหนือจากนี้ ก็จะเป็นการสิ้นสุดการแสดงข้อความ ชุดนี้ทั้งหมด และย้อนกลับไปแสดงเครื่องหมายต้อนรับอย่างเดิม
เมื่อต้องการเข้าสู่สถานะ privileged EXEC mode ให้พิมพ์คำว่า “enable” หรือ “ena” ซึ่งจะมีผลให้ Routerแสดงเครื่องหมายตอนรับและรอรับรหัสผ่านจากผู้ใช้ เมื่อเข้าสู่สถานะ privileged EXEC mode แล้ว และพิมพ์เครื่องหมายคำถาม “?”  Router จะแสดงรายการคำสั่งที่ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ได้ (ซึ่งจะมีคำสั่งมากกว่าเมื่อมีสถานะเป็นuser EXEC mode)

Cisco: 10 คำสั่งที่คุณควรใช้ให้เชี่ยวชาญในการใช้ Cisco iOS CLI


#1. คำสั่ง "?" (help)
สำหรับมือใหม่และมือเก่า แน่นอนว่าคำสั่งใน Cisco iOS นั้นมีเยอะมากเป็นหลัก 1000 คำสั่ง, จะมีซักกี่คนจะจำได้ขึ้นใจ สามารถพิมพ์ได้คล่องแคล่วและถูกต้องทั้งหมด คำสั่ง "?" ช่วยเราคิดออกว่า เราควรจะพิมพ์อะไรต่อ ใช้คำสั่งเต็มๆทั้งหมดว่าอย่างไร ประมาณว่า จำไม่ได้/คิดไม่ออก ก็พิมพ์ "?" แล้ว iOS จะบอกคุณเองว่า คุณสามารถใช้คำสั่งอะไรได้บ้างนะ.....
#2 คำสั่ง "show running-configuration" หรือที่มักย่อกันว่า "sh run"
คำสั่งนี้เป็นพื้นฐานการดูค่า config ที่ Router/Firewall/Switch นั้นๆ run อยู่ เราใช้ตรวจทานว่า เครื่องนั้นๆ run คำสั่งอะไรอยู่ ณ เวลานั้นกันแน่ๆ เพื่อที่จะเป็นแนวทางให้ทราบว่าจะทำการแก้ไข/ปรับปรุง/เพิ่มเติม คำสั่งใหม่ๆเข้าไป และอย่าลืมที่จะพิมพ์คำสั่ง
copy running-configuration startup-configuration
เพื่อเป็นการ save config ไว้ให้เป็นค่าที่เราจะใช้ตอนเครื่อง boot ทุกครั้งนะครับ
หรือย่อแบบรวดรัดโดยใช้คำสั่ง wr mem นะครับ
#3: copy running-configuration startup-configuration
คำสั่งนี้จะทำการบันทึกค่า config ที่ run อยู่ที่ RAM ไปบันทึกที่ nonvolatile RAM (NVRAM). เหตุที่จำเป็นต้องใช้คำสั่งนี้ก็เพราะข้อมมูลใน RAM ละถูกลบไปถ้าไฟฟ้าดับ หรือเครื่อง reload แต่เมื่อ boot กลับมา, Switch จะไปอ่านค่า config ที่อยู่ใน NVRAM มาใช้
เป็นที่รู้กันว่า ถ้าไม่ run คำสั่งนี้หละก็ ที่ config ไปแล้วไม่ได้ save ก็จะหายหมดนะครับ สำหรับคำสั่งย่อก็คือ "copy run start". (คำสั่ง copy ยังสามารถใช้กับ TFTP และ Flash: ได้ด้วยนะครับ)
#4: show interface
คำสั่งนี้จะเป็นการ show ค่า/สถานะ ต่างๆของ Interface นั้นๆนะครับ ได้แก่
- Interface status (up/down)
- Protocol status on the interface
- Utilization
- Errors
- MTU
คำสั่งนี้ใช้เป็นพื้นฐานในการ troubleshooting ของ router และ switch. สำหรับคำสั่งย่อคือ "shint fa0/0"
(เปลี่ยนชื่อ interface เอาเองนะครับ)
ตัวอย่าง Interface
f0/1, g0/1, vlan 1, vty 0, bvi 0 และอีกมากมายครับ)
#5: show ip interface
คำสั่งนี้ จริงๆแล้วอาจจะใช้บ่อยกว่า "show interface" นะครับ
คำสั่งนี้จะแสดงค่าต่างๆมากมายของ config และ สถานะของ IP protocol และ services ของทุก interface ทั้งค่าทาง routing, IP, Layer 3, Layer 2 ครับ
#6: "enable", "config terminal", "interface"
ชุดคำสั่งทั้ง 3 นี้เป็นชุดคำสั่งพื้นฐานไว้ที่ใช้ในการ config ค่าของอุปกรณ์ Cisco ครับ
- "enable" หรือ "en"
ใช้เพื่อเปิดระบบ เพื่อที่จะเข้ามาทำการดู/แก้ไข ค่าต่างๆ หลังจากพิมพ์คำสั่งแล้ว จะมีเครื่องหมาย # ตามหลังชื่ออุปกรณ์ครับ
- "config terminal" หรือ "conf t"
ใช้เพื่อเข้าไปในระบบการแก้ไขแบบ global configuration mode เพื่อทำการตั้งค่าต่างๆของอุปกรณ์ หลังจากพิมพ์คำสั่งแล้ว จะมีเครื่องหมาย (config)# ตามหลังชื่ออุปกรณ์ครับ
- "interface" หรือ "int"
ลองใช้เครื่องหมาย "?" ตามหลังดู แล้วคุณจะรู้ว่า อุปกรณ์นั้นๆมี interface อะไรบ้างนะครับ หลังจากพิมพ์คำสั่งแล้ว จะมีเครื่องหมาย (config-if)# ตามหลังชื่ออุปกรณ์ครับ
การออกจาก config terminal ให้ใช้คำสั่ง exit. หรือจะออกให้หมดเลยครั้งเดียว ให้ใช้คำสั่ง "end" ครับ
#7: "shutdown", "no shutdown"
เป็นคำสั่งที่ใช้ใน mode config interface เพื่อที่จะ brings up (no shutdown) หรือ bring down (shutdown) สำหรับแก้ปัญหา/ปิดค่าต่างๆ หรือสั่ง shutdown เพื่อ clear error แล้วสั่ง no shutdown เพื่อให้ interface นั้นกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง
สำหรับคำสั่งย่อคือ "shut", "no shut".
#8: show ip route
คำสั่งนี้ใช้แสดง routing table เป็นการแสดงให้เห็นว่า เรามีเส้นทางติดต่อกับ subnet อื่นอย่างไรบ้าง สำหรับคำสั่งย่อคือ "shipro" หรือ "shiproospf" สำหรับ OSPF routers.
การ clear routing table ทำโดยคำสั่ง "do clear ip route *" หรือถ้าจะลบ routing เดียวก็ใช้คำสั่ง "do clear ip route x.x.x.x" สำหรับ network นั้นๆ
#9: show version
เป็นคำสั่งที่ใช้แสดง ค่าต่างทางของ Hardware และ Firmware ของอุปกรณ์ Cisco. สามารถให้รายละเอียดของ S/N, IOS Firmware Version, IOS file, รุ่นของอุปกรณ์, ขนาดของ RAM และ Flash. สำหรับคำสั่งย่อคือ "shver".
#10: debug
คำสั่ง debug จะมีหลากหลาย options มากๆ สามารถแสดงรายละเอียดของ application, protocol และ service.
เช่น คำสั่ง "debug ip route" จะแสดงค่าทึกครั้งที่มีการเปลี่ยนเส้นทางการ route ระบบครับ

11. Router>  --> สัญลักษณ์เป็นเครื่องหมาย > แสดงว่าเป็น User mode
12. Router> enable  --> ใช้คำสั่ง enable เพื่อทำการเข้าสู่ Privileged Mode
13. Router#  --> สัญลักษณ์จะเปลี่ยนเป็นเครื่องหมาย # แสดงว่าเป็น Privileged mode แล้ว
14. Router#configure terminal  --> ใช้คำสั่ง configure terminal เพื่อเข้าสู่ Global Configuration Mode
15. Router(config)#  --> เข้าสู่ Configuration Mode ซึ่งจะสามารถทำการ Config ค่าต่างๆให้กับตัวอุปกรณ์ได้
16. Router(config)#exit  --> คำสั่ง exit เพื่อออกจาก Configuration Mode หรือใช้คำสั่ง end เพื่อเข้าสู้ Privileged Mode
17. Router>  --> สัญลักษณ์จะเปลี่ยนเป็นเครื่องหมาย > แสดงว่าเป็น User mode แล้ว
18. User  >  ทำได้เพียงเช็คสถานะการทำงานต่างๆของอุปกรณ์คำสั่ง show เช่น show running config
19. Privileged  #  สามารถเข้าถึงในส่วนของการ Configuration ได้ เช่นการ set ip address โดยใช้คำสั่ง ip add

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โปรแกรม Cisco Packet Tracer

การใช้คำสั่ง System.out.println ใช้อย่างไร